เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๔ เม.ย. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม เพราะวันนี้เป็นวันพระ วันพระ วันโกน วันที่เรามีลมหายใจ วันที่เรายังมีโอกาสอยู่ เรายังขวนขวายของเราเพื่อบุญกุศลในหัวใจดวงนี้

ถ้าหัวใจดวงนี้ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันเป็นสัจจะเป็นความจริงอันหนึ่ง แต่เวลาที่เกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์สมบัติ เกิดเป็นมนุษย์สมบัติขึ้นมา คนที่มีอำนาจวาสนามา เขาเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองมา เขาก็มีอำนาจวาสนาของเขา

เราเกิดมาปากกัดตีนถีบขนาดไหน ทำให้จิตใจเราเข้มแข็ง ทำให้จิตใจเรามีประสบการณ์ เรามีประสบการณ์กับชีวิตไง ชีวิตต้องปากกัดตีนถีบเพื่อความดำรงชีพ ดำรงชีพไว้ทำไม ดำรงชีพไว้ให้มีสติปัญญา

ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา คนมีสติปัญญาขึ้นมานะ มันจะถามขึ้นมาเลยว่า ชีวิตนี้มาจากไหน ชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออะไร

คนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตของเขาเวลาเขาจะเป็นจะตาย เวลาคนที่มีสติปัญญานะ เขาได้แบ่งมรดกของเขาให้เรียบร้อยแล้วเขาตายไป

เขาตายไปๆ ตายไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ไง ตายไปด้วยถ้าใครมีบุญกุศลตายไป สิ่งที่จิตนี้ไม่เคยตาย จิตนี้ไม่เคยตายมันก็ไปเสวยภพเสวยชาติของมันต่อไป ถ้าเสวยภพเสวยชาติต่อไป สิ่งที่ไปเสวยภพเสวยชาติ มันไปเสวยภพเสวยชาติ มันเอาอะไรไปเสวย มันก็เอาบุญกุศลนี้ไปเสวยไง เอาคุณงามความดีของเรา เอาความชั่ว เอาความบกพร่องของเราไปเสวย

ถ้าคนที่มันทำคุณงามความดีอยู่ คนเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย การเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันต้องมีที่มาที่ไป มันต้องมีเหตุ เหตุคือบุญกุศล คือการกระทำคุณงามความดีของเรา ถ้าคุณงามความดีของเรา

ในทางโลกการเสียสละของเรามันสูญเปล่าๆ เสียสละแล้วเราไม่ได้สิ่งใดมาๆ

การเสียสละ ดูสิ เวลาอาหารมันหมดอายุ ในห้างสรรพสินค้าเขาเอาไปกองไว้ๆ ขายไม่ได้นั่นน่ะ มันเป็นประโยชน์กับใคร แต่เวลาถ้าเขาได้กำไรขาดทุนของเขา

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เราเสียสละไปๆ มันจะสูญสลายไปไหน มันสูญสลายไป เราเสียสละด้วยเจตนาของเรา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก รู้จำเพาะตนๆ เรารู้เพราะเราเป็นผู้ที่เสียสละ เป็นผู้ที่กระทำๆ เป็นผู้ที่กระทำฝังไว้ในดินๆ ไง

นี่ได้เงินมาหนึ่งบาท เอาไว้ทำทุนหนึ่งสลึง เอาไว้เลี้ยงพ่อแม่หนึ่งสลึง เอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัวหนึ่งสลึง อีกสลึงฝังดินไว้ๆ ไง เจตนาที่ฝังดินไว้ๆ ฝังไว้ในหัวใจไง

คนเราสวดมนต์สวดพรไม่ได้มันก็พยายามท่องบ่นเพื่อให้สวดได้ เวลาเขาสวดมนต์ ก่อนนอน ตื่นนอน สวดมนต์ๆ สวดเป็นประจำ ถ้ามันขาดสิ่งใดไป แล้วมันขาดอะไรไป

นี่ก็เหมือนกัน เราทำซ้ำทำซากๆ ทำให้จิตใจของเรามันเข้มแข็งขึ้นมา ทำจิตใจเราให้มั่นคงขึ้นมา ถ้ามันมั่นคงขึ้นมา นี่ระดับของทาน ทานเราเสียสละได้ วัตถุเราเสียสละได้ขนาดไหน

คนนะ ถ้ามีอำนาจวาสนานะ เขาเสียสละสิ่งที่ประณีตของเขาได้ทั้งสิ้น กษัตริย์ในสมัยพุทธกาล แม้แต่พระเจ้าตากฯ พระพุทธยอดฟ้าฯ เวลาท่านฟื้นฟู ฟื้นฟูศาสนานะ สมณะทำหน้าที่ของตนให้ดีเถิด ถ้ามันขาดตกบกพร่องสิ่งใด แม้แต่ชีวิตก็ถวายให้ได้ แม้แต่ชีวิตนี้เราก็ถวายให้กับสมณะได้ ขอให้สมณะทำตัวให้ดีเถิด

เห็นไหม เขาพร้อมที่จะส่งเสริม เขาพร้อมที่จะทำคุณงามความดี เขาพร้อมที่จะให้ แม้แต่ชีวิตเขายังสละให้ได้เลย ขอให้สมณะทำแต่สิ่งที่ดีงามๆ

ถ้าจิตใจของคนที่มันดีงาม จิตใจของคนที่สูงส่งขึ้นไป เพราะอะไร เพราะการกระทำของเขา จิตใจเข้มแข็งของเขา เขาทำของเขานะ

แล้วเขาทำของเขา เห็นภัยในวัฏสงสารมาบวชเป็นพระ เราเห็นภัยในวัฏสงสาร เราหาที่ประพฤติปฏิบัติ เราจะค้นคว้าหาใจของเราๆ

เวลาเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา วันนี้วันพระ วันทำบุญกุศลของเรา วันทำบุญกุศลของเราก็ระดับของทานไง ระดับของทาน คนที่มีสติมีปัญญาเขาทำของเขาได้ คนที่ไม่มีสติไม่มีปัญญาเขาบอกว่า ของฉันๆ ฉันหาของฉันมา ฉันมีความสุขอยู่แล้ว ในบ้านฉันมีความสุขฉันก็พอใจแล้ว ฉันพอใจทุกอย่าง...นั่นน่ะมันอมทุกข์

เวลาคนที่ไปวัดไปวา เขาบอกพวกนี้พวกมีปัญหา มีปัญหาเพราะมีปัญหาชีวิตไง

ปัญหาชีวิตถ้ามีบาทมีฐานขึ้นไป ถ้ามันมีบุญกุศลส่งเสริมไป มันจะไปเกิดเป็นคุณงามความดีข้างหน้า แล้วถ้ามันเกิดเป็นคุณงามความดีข้างหน้านะ ถ้ามันมีสติปัญญา ระดับของทาน เห็นไหม

ระดับของศีล เห็นภัยในวัฏสงสารมาบวชเป็นพระ เราจะมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันต้องค้นคว้าหาหัวใจของตน

การศึกษาๆ ศึกษามาด้วยทฤษฎี ศึกษามาด้วยการจำมา การท่องจำธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่องจำมาแล้วก็มาเถียงกันปากเปียกปากแฉะ ต่างคนต่างอวดความรู้ ต่างคนต่างอวดความเห็นของตน แต่ไม่รู้สัจจะความจริงแม้แต่ขี้กระพี้

เวลาจะเอาจริงเอาจังขึ้นมา ไปวัดไปวาขึ้นมา เราต้องทำความสงบของใจเข้ามา วัดปฏิบัติๆ ไง วัดปฏิบัติเขาจะอำนวยความสะดวกแก่การประพฤติปฏิบัติ เพราะการประพฤติปฏิบัตินั้นจะเข้าไปสู่ใจของตน

การประพฤติปฏิบัตินั้นมีแต่ดัดจริต มันจะเอาอย่างนั้น จะเอาอย่างนี้ๆ...เอาที่บ้านมึงไง บ้านมึงน่ะ

เวลาจะมาๆ แล้ว นี่เขาทำไว้ๆ ครูบาอาจารย์ที่เขาทำของเขามาแล้ว เขาทำของเขา เขารู้ว่าสิ่งใดควรและไม่ควร สัปปายะๆ ถ้าเป็นสัปปายะขึ้นมา เพราะสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดคือหัวใจของตน

ถ้าใครเห็นหัวใจของตน ใครทำความสงบของใจได้มันมีคุณค่ามาก ไม่ต้องมาดัดจริต ดัดจริตจะเอาไอ้นู่นจะเอาไอ้นี่...เอาที่บ้านมึง ไร้สาระ เอาโลกเป็นใหญ่ๆ ไง

แต่ถ้าเอาธรรมเป็นใหญ่ๆ สิ่งที่ทำมาๆ สัปปายะ ๔ สัปปายะ ๔ สิ่งใดที่มันดัดจริต ที่มันอยากได้อยากดีขึ้นมา เขาพยายามตัดมันออกๆ

ดูสิ ดูพระเราสิ เวลาจะเข้าพรรษา ถือธุดงค์ๆ พยายามตัดมันออกๆ นี่ขัดเกลากิเลสๆ มันไม่ใช่วิธีการจะฆ่า แต่มันเป็นวิธีการขัดเกลา แบ่งเบาภาระทำให้มันเบาบางลง อย่าไปเพิ่มให้มันเข้มแข็งขึ้น อย่าไปเพิ่มที่มันจะไปยึดมั่นถือมั่นของมัน เห็นไหม

แม้แต่ทำไม่ได้ ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บัญญัติไว้แล้ว แต่ใครเห็นคุณค่ามันหรือไม่ล่ะ มีแต่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์เราเห็นคุณค่าของมัน เห็นคุณค่าของมันเพราะอะไร

เห็นคุณค่าของมันเวลาออกค้นคว้าไง จับผิดจับถูก จับไม่ได้ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ตัวเราก็ว่าเป็นคนที่เข้มแข็ง ตัวเราก็เป็นคนที่มีความสามารถ เราก็เป็นคนที่แสวงหาต้องการทั้งสิ้นๆ แต่ไม่เคยได้อะไร เพราะต้นมันคด ความไม่รู้ของตน ทิฏฐิมานะจะอวดรู้อวดเห็นขนาดไหนก็ได้แค่นั้นแหละ มันก็ติดกำแพงทิฏฐิมานะของตนอยู่นั่นน่ะ ไปไหนไม่รอดหรอก

แต่ถ้ามันทำลายกำแพง ทำลายทิฏฐิมานะของตนเข้าไป เอ้อเหอ! เวลาเอ๊อะ! นั่นน่ะเขาเข้าไปสู่ความจริงของเขา ถ้าเข้าไปสู่ความจริงของเขานะ ความจริงของเขาเป็นสัจจะเป็นความจริงในใจอันนั้น ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ถ้าเข้าถึงความจริงอันนั้นแล้วเห็นคุณค่าทันทีเลยล่ะ

เห็นคุณค่าทันทีว่า สิ่งที่ขวนขวายตะเกียกตะกายมาเพื่ออะไร สิ่งที่ขวนขวายตะเกียกตะกายมาก็เพื่อหัวใจอันนี้ แต่เดิมมามันคด ต้นมันคด ดัดจริต จะเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้ จะเป็นอย่างนั้น แล้วก็ติดตรงนั้นน่ะ เป็นอย่างนั้นน่ะ เป็นที่ดัดจริตน่ะ เป็นที่คาดคิด คาดหมาย คาดหวังที่จะได้น่ะ ก็แค่นั้น นั่นน่ะคือหลุมพราง กิเลสมันขุดล่อเอาไว้ กิเลสมันขุดล่อไว้หมดเลย

ปลา ฝนตก น้ำใหม่มามันจะแสวงหาน้ำใหม่ของมัน ไอ้กลิ่นของน้ำ กลิ่นของอากาศ อู้ฮู! ปลา เป็นธรรมชาติของมัน

ไอ้นี่กิเลสมันขุดล่อไว้เลยนะ หลุมพราง จะเป็นอย่างนั้นๆๆ เรียนมาหมดแล้ว รู้หมดแล้ว เวลาเข้าไปแล้วก็ไปตกหลุมพรางนั่นน่ะ แล้วก็เป็นสังคมที่ยิ่งใหญ่ สังคมใหญ่เพราะอะไร โลกียะ โลก คนเกิดมาเป็นอย่างนั้นทั้งนั้น คนที่เกิดมา โลกียปัญญา มันเป็นปรัชญา เป็นความเห็นของตน เป็นความเห็นจากอวิชชา

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ถูกต้องดีงาม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปราบปรามกิเลสราบคาบ

แต่ความยิ่งใหญ่ของกิเลสโดยการเกิดของมนุษย์ไง เรามาทำบุญกุศลระดับของทานๆ ทำทานขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อเป็นบาทเป็นฐาน เพื่อเป็นเหตุ เป็นเหตุให้หัวใจเราเข้มแข็ง เป็นเหตุให้เป็นบุญกุศลติดแนบหัวใจนี้ไป

เวลาจะไปเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาเป็นคนดี เกิดขึ้นมาเพื่อมีอำนาจวาสนา เกิดขึ้นมาเพื่อแสวงหา

เวลาเกิดขึ้นมาแล้วแสวงหาโดยอวิชชา แสวงหาโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตน มันก็ไปติดกำแพงนั่นน่ะ ไปเกิดในหลุมพรางของมันไง จะเป็นอย่างนั้นๆ จะเป็นอยู่อย่างนั้นน่ะ แล้วไปไหนไม่รอดหรอก

แต่ถ้าเป็นสัจจะความจริงนะ เงียบกริบเลยล่ะ มหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานยกขึ้นสู่วิปัสสนาด้วยยิ่งมหัศจรรย์เข้าไปใหญ่ ถ้ายิ่งมหัศจรรย์เข้าไปใหญ่ เห็นไหม

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ สิ่งที่เป็นปริยัติ สาธุ ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา เคารพบูชามากแต่วางไว้ เป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่จะเอาของเราๆ สิ่งนั้นมันได้แต่ชื่อ ถ้าเป็นความจริงๆ ขึ้นมาในใจมันเป็นอย่างไร

ถ้าเป็นอย่างไร ปฏิบัติขึ้นมามันมาจากไหนล่ะ มันมาจากการเราเสียสละ เราขวนขวายเรานี่แหละ เรามาจากการเสียสละขวนขวายขึ้นมามันก็เป็นจริตนิสัย นิสัยของคนดีงามแค่ไหน นิสัยของคนอ่อนโยนแค่ไหน นิสัยของคนกระด้างแค่ไหน มันก็ต้องเอาสิ่งนั้นเข้าไปปราบปรามกับสิ่งที่เป็นความอ่อนโยนเป็นความกระด้างในใจของตน

ถ้ามันปราบปรามมันได้ มันปราบปรามได้ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา นี่ไง เอาความสงบสยบความเคลื่อนไหวไง

แต่มันเคลื่อนไหวๆ โดยธรรมชาติของมัน มันขับดันออกมา มันสงบไม่ได้หรอก เกิดดับๆๆ แล้วถ้าเกิดดับด้วยความโกรธ เกิดดับด้วยความหลง โอ้โฮ! มันเกิดดับไม่มีที่สิ้นสุดเลย เกิดดับจนเดือดร้อนเลย

นี่มันเคลื่อนไหว เคลื่อนไหวแล้วมันตีโพยตีพายด้วย แล้วถ้ามันเทียบเคียง “ธรรมะเป็นอย่างนี้ ธรรมะมันเคลื่อนไหวอย่างนี้ มันเกิดดับอย่างนี้ มันเป็นเช่นนี้เองๆ”...ปฏิเสธ จะไม่ทำอะไรเลยนะน่ะ

“มันเป็นเช่นนี้เอง รู้เท่าหมดแล้ว มันเป็นเช่นนี้เอง เกิดดับเห็นหมดเลย” นี่ไง มันก็หลอกล่อให้ไปจำนนกับมันอีกหลุมพรางหนึ่ง แล้วก็เป็นอยู่อย่างนั้นน่ะ “มันเป็นเช่นนั้นเองๆ” แล้วเป็นเช่นนั้นอย่างไรล่ะ เป็นเช่นที่อยากดังอยากใหญ่อยากเหยียบย่ำคนไง

แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเอง ดูหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นสิ ป่าเขาเป็นที่รื่นเริง ที่ความสงบสงัดเป็นที่รื่นเริง เป็นที่รื่นเริงเพราะใจเรารื่นเริง ใจของเราไม่เกาะเกี่ยวใครทั้งสิ้น เป็นอิสระเสรีภาพทั้งหมด รื่นเริงเพราะใจของเราไง

เป็นเช่นนี้เองหรือ เป็นเช่นนี้เองก็เรื่องของเอ็งไง เป็นความรื่นเริงในใจของตน นี่สัจจะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะ มันอยู่ที่อกกลัดหนองเรานี้ไง มันอยู่ที่หัวใจนี้ไง หัวใจที่ทุกข์ที่ยาก หัวใจที่ทุกข์ที่ยากที่มีอำนาจวาสนามันจะคิดถึงทางออก

เราไปวัดไปวาๆ เราขวนขวายไป ในเมื่อเป็นบริษัท ๔ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

อุบาสก อุบาสิกา การเคลื่อนไหวเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งๆ การเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งไม่มีอาชีพใดๆ ทั้งสิ้น ภิกษุดำรงชีวิตแบบฆราวาสไม่ได้ ฆราวาสเขาทำอะไรได้ ภิกษุทำไม่ได้ ถ้าภิกษุทำได้ ภิกษุไม่มีสมณสารูป ไม่มีกิริยาของการเป็นสมณะ กิริยาของการเป็นสมณะเป็นกิริยาภายนอก

แล้วถ้าความบรรลุพุทธะเป็นเรื่องจากภายใน ถ้าเรื่องจากภายใน เห็นไหม

ดูสิ ถ้าเป็นฆราวาส ฆราวาสถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมาถ้าเขาเป็นความจริง นางวิสาขาเป็นพระโสดาบันไง แล้วตอนนี้ใครๆ ก็จะเป็นนางวิสาขาๆ

นางวิสาขาเขาเป็นจากหัวใจของเขา เขาเคารพบูชาในหัวใจของเขา ไม่ใช่วิสาขาที่ติดป้าย โอ๋ย! ติดป้ายชูธงเลย “จะเป็นนางวิสาขา”

แต่ถ้าเป็นความจริงๆ มันเป็นความจริงจากในใจ ถ้าเป็นความจริงจากในใจ จะเป็นอะไรก็โสดาบันเหมือนกัน จะเป็นอะไรก็เป็นเหมือนกัน ชื่อเป็นชื่อ แต่ถ้าเป็นความจริง เป็นความจริงในหัวใจดวงนี้ ถ้าหัวใจดวงนี้ถ้าเป็นความจริงมันมีคุณค่า

คนคนหนึ่งนะ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วถ้ามันพาดกระแสแล้ว คำว่า พาดกระแสแล้ว” ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าขนาดนั้นนะ นี่ของเรา เราเป็นฆราวาส เรายังพยายามจะถึงพุทธมามกะ ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราพยายายามๆ รัตนตรัยของเราเป็นที่พึ่งที่อาศัยของเรา แล้วถ้าจิตใจมันพาดกระแสแล้ว ถ้ามันใกล้ขนาดนั้นแล้ว พฤติกรรมมันจะเหลวแหลกได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้หรอก

ถ้าเป็นนางวิสาขาเขาเป็นด้วยหัวใจของเขา นางวิสาขาจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เครื่องประดับถอดออกหมด สิ่งใดวางไว้หมด จะทำให้เป็นพรหมจรรย์ๆ เขาไม่เอาเรื่องโลกมายิ่งใหญ่หรอก เขาไม่เอาโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศมาอวดอ้างกันหรอก ในธรรมนี้ไม่มี

ในธรรมนี้ ถ้าใครเข้าถึงสัจธรรมความจริงแล้ว อันนั้นมีคุณค่า รื่นเริง อาจหาญ อยู่ที่ไหนก็ได้ ยิ้ม ครูบาอาจารย์เรานะ ถ้าเป็นธรรมนะ ท่านนิ่ง

ไอ้พวกหมาบ้ามันชอบเห่า เห่าบ้าบอคอแตก นั่นก็เสียงหมา ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

แต่ถ้าเป็นเสียงธรรมๆ นะ เราประพฤติปฏิบัติเราติดขัดอะไร ติดข้องสิ่งใด นี่ไง ธรรมะเป็นธรรมชาติ เห็นใบไม้หลุดจากขั้วนั่นเป็นสัจธรรม เห็นการเปลี่ยนแปลงทางโลกเป็นสัจธรรมหมดเพราะใจเราเป็นธรรม

ใจเราเป็นธรรมแล้วเห็นคุณค่ามากนะ เห็นคนทุกข์คนยาก คนปากกัดตีนถีบ เห็นคนน่ะ โอ๋ย! มันเศร้าใจนะ นี่ผลของวัฏฏะ วัฏฏะขับดันมา วัฏฏะไง ทำดีทำชั่วมา เพราะดีและชั่ว ผลของมันถึงให้เป็นวิบาก

ผลกรรมวิบากมีแต่ความเจ็บแค้น คนที่เขารื่นเริงอาจหาญของเขาไป อันนั้นเพราะเขาทำบุญกุศลของเขามา แต่บุญกุศลเป็นอามิส คำว่า อามิส” เป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น ของชั่วคราวคือมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มันมีโอกาสที่สิ้นสุด เริ่มต้น ท่ามกลาง และที่สุด สรรพสิ่งในโลกนี้มันจะเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดไป

แล้วผู้ที่รื่นเริงในธรรมมองแล้วมันสลดสังเวชไง สลดสังเวช ธรรม สัจธรรมๆ ถ้าใจเป็นธรรมเห็นแล้วมันสลดสังเวช สังเวชในวัฏฏะ นี่ผลของวัฏฏะนะ ขับดันมาให้เกิดให้ตายกันอยู่นี่ แล้วธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไปแยกไปแยะไปพิจารณา แล้วเข้าไปพิจารณาอย่างไรไม่ให้กิเลสมันหลอกอ้างไง

นี่กิเลสบังเงาไง อ้างธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นผู้รู้ แล้วก็มาอ้างอิงไป แต่ก้นบึ้ง ภวาสวะ ภพ นั่นกิเลสชัดๆ เลย อวิชชาไม่รู้จักตัวเองเลย

แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราสอน สิ่งที่เราปากกัดตีนถีบมา ปากกัดตีนถีบมา มาวัดมาวาขึ้นมาทำบุญกุศลของเรา ถ้าทำบุญกุศลของเรา ถ้าเป็นธรรมๆ ทำบุญทิ้งเหว ทำดีคือดี ดีแล้วจบ ไม่ติดข้องใดๆ ทั้งสิ้น ทำความดีซับสมไป นาโน จุดที่เล็กที่สุดคือความรู้สึกนี้ แล้วก็ให้มันเข้มแข็งขึ้นมาๆ

ถ้าเข้มแข็งขึ้นมา ทำสิ่งใดมันทำได้ทั้งสิ้น แล้วทำได้ทั้งสิ้นแล้วเป็นคนที่ฉลาดนะ ปิดทองหลังพระๆ อยากทำกุศลของเราโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาวอกแวกวอแว ไม่ต้องให้ใครมากีดมาขวาง ใครจะกีดจะขวาง เชิญ ไปเลย ไปก่อน เราทำอะไรของเราก็ได้ ทำเสร็จแล้วนะ เราจะทำความสงบใจเราเข้ามา

ถ้าใจสงบระงับแล้วถ้าเกิดปัญญาขึ้นมา นี่ไง ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากจิต ปัญญาเกิดจากการค้นคว้า ปัญญาเกิดจากการแสวงหา ปัญญาเกิดจากการฝึกหัดของเรา มันขึ้นมาๆ มันเป็นของเราทั้งนั้นน่ะ สมบัติที่เป็นของเราน่ะ แล้วมันฝังอยู่ในใจนี้ เพราะมันเป็นร่องเป็นรอยไง

เวลาคนทำความสงบของใจไม่ได้มันดีดมันดิ้นทั้งสิ้น เวลาใครทำความสงบใจได้แล้วอยากได้อีก ให้จำคำบริกรรม ให้จำอารมณ์ความรู้สึก ให้จำการกระทำนั้น ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม

หลวงตาท่านภาวนาอยู่ ท่านบอก เรียนอยู่เจ็ดปี ภาวนาพุทโธๆ ใจเป็นอัปปนาสมาธิสงบได้แค่สามหน สามครั้งๆๆ เจ็ดปี

แล้วของเราทำแล้วได้อะไรบ้าง ถ้าทำของเราแล้วได้อะไร สิ่งที่ทำมาๆ เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติแล้วบอกว่าทำแล้วไม่ได้อะไรเลย

เวลามาทำบุญถวายภัตตาหารได้บุญไหม แล้วเวลาภาวนายกร่างกายเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ได้บุญไหม

บุญกิริยาวัตถุ เราเป็นสิทธิเสรีภาพ เป็นสิทธิ์ๆ ใครจะนอนตีแปลง ใครจะก้นขวิดดำน้ำอย่างไรก็สิทธิของคนทั้งสิ้น ใครทำอะไรก็ได้ เข้าไปอยู่ในห้องของตนทำอะไรก็ได้ ได้ทั้งสิ้น แต่เราเสียสละหมดเลย นั่งสมาธิถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

จะที่ไหนก็แล้วแต่ เรายกเราถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญกิริยาวัตถุ กิริยาท่าทางความสงบเสงี่ยม เราถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันไม่ได้บุญตรงไหน

มันภาวนาแล้วมันไม่ได้อะไร ไม่ได้ตรงไหนล่ะ

ไม่ได้ตรงที่กิเลสมันฟุ้งซ่านไง กิเลสมันดีดมันดิ้นไง นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วถ้านอนตีแปลงน่ะได้ นอนเป็นท่อนฟืนน่ะได้ ท่อนฟืนเขาเอาไว้เผา ตายแล้วซากศพเผาในเชิงตะกอนทั้งนั้นน่ะ เอาไว้ตอนนั้นแล้วค่อยไปเสียใจใช่ไหม ตายไปแล้วไปเห็นผลบุญของตน เห็นผลบาปของตน เห็นกรรมของตน อู้ฮู! เสียดายๆๆ

เสียดายต่อเมื่อมันจนตรอก เวลามีโอกาสมันไม่ทำ มันไม่รู้จักวิธีการทำ

วันนี้วันพระๆ วันพระเพื่อเตือนหัวใจดวงนี้ให้หัวใจดวงนี้มันประเสริฐขึ้นมา มันแจ่มแจ้งขึ้นมาให้มันมีจุดยืนของมันขึ้นมาเพื่อหัวใจของเราเอง เอวัง